ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการของเทคโนโลยีก้าวล้ำไปข้างหน้ามากแล้วจริงๆ การที่ผู้คนเลิกสูบบุหรี่มวน โดยเปลี่ยนมาเป็นการสูบ Pod System กันเป็นอย่างมาก หรือ แพร่หลายมากๆในหมู่ชาวนักท่องเที่ยวราตรี เพราะการสูบบุหรี่มวนนั้น นอกจากจะมีโรคภัยไข้เจ็บตามมาเป็นอย่างมาก ทำลายสุขภาพขั้นรุนแรง และมีกลิ่นติดตัวเป็นอย่างมาก ทำให้คนหันมาสนใจบุหรี่ไฟฟ้า หรือ พอตไฟฟ้า หลายๆคนอ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วคงสงสัยกันว่า “บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเลิกบุหรี่ได้ไหม” และสามารถเลิกได้ในระยะยาวรึเปล่า
วันนี้แอดจะมาแนะนำ พอตไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า กับน้ำยาที่เหมาะกับเครื่องเรามากที่สุดเพื่อประสิทธิภาพในการสูบ และ ทำให้เป็นการถนอมตัวเครื่องเพื่อยืดอายุการใช้งานอีกด้วย
บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเลิกบุหรี่ได้ไหม
วันงดสูบบุหรี่โลกตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกเล็งเห็นอันตรายจากการสูบบุหรี่ ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้สูบ และเปรียบได้กับเป็น “บุหรี่มือสอง” เพราะผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะได้รับควันบุหรี่จากคนที่สูบไปทางอ้อมก่อให้เกิดโรคร้ายเหมือนสูบบุหรี่เองโดยตรงได้เช่นกัน โดยทั่วไปเรารู้จักบุหรี่ธรรมดากันมานานมากแล้ว ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นของใหม่ ยังไม่มีข้อมูลวิจัยมากพอที่จะระบุถึงอันตรายของสารเคมีแต่ละตัวในบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะหากยิ่งใช้นานๆ ในระยะยาว แต่การที่ยังไม่มีข้อมูลว่าอันตรายไม่ได้แปลว่าไม่มีอันตราย ควรร่วมกันรณรงค์ ลด ละ เลิกบุหรี่ ไม่ใช่เพียงแค่บุหรี่ธรรมดาแต่รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าที่อันตรายไม่แพ้กัน
ข้อสงสัยสำคัญที่เคยได้ยินกันมานานที่ว่า หากอยากเลิกบุหรี่ธรรมดาแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนจะช่วยได้หรือไม่ ทำให้ผู้สูบลดการสูบบุหรี่ธรรมดาลงจริงหรือ ผลสรุปในทางตรงกันข้ามคือ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยลดการสูบบุหรี่ธรรมดาลงเลย ร้ายไปกว่านั้นยังทำให้อัตราการสูบบุหรี่โดยรวมทั้งธรรมดาและไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่มีนิโคตินเหมือนกัน และเยาวชนที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่สูบบุหรี่(ไม่ว่าจะเริ่มจากชนิดไหน)ท้ายที่สุดก็จะมีการแลกเปลี่ยนทดลองกันภายในกลุ่ม จนคุ้นเคยกับบุหรี่ทุกๆ รูปแบบ ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศห้ามอย่างเป็นทางการมิให้บริษัทบุหรี่โฆษณาว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ธรรมดาได้ เพราะขัดกับข้อมูลจากการวิจัยอย่างชัดเจน เป็นความจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีกลไกการทำงานที่ไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา ทำให้ผู้สูบลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารที่เป็นอันตรายจากการเผาไหม้บางตัว เช่น น้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
จากที่กล่าวมาข้างต้น สารประกอบอื่นๆ ที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าก็ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีบางงานวิจัยที่ระบุว่าไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ามีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้มากกว่า อนุภาคที่เล็กนี้จะจับเข้ากับเนื้อเยื่อปอดและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว และยากที่กลไกธรรมชาติของร่างกายจะขับออกมาได้
ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าต้องห้าม บุคคลที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง ถือว่ามีความความผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้ขายและผู้ใช้ เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเข้าจับกุมได้ กรณีเป็นผู้นำเข้ามีโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของสินค้าที่นำเข้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจำหน่ายจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีผู้สูบหรือมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ถือว่ามีความผิดในฐานครอบครองสิ่งที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี จึงขอร่วมรณรงค์ ลด ละ เลิกบุหรี่ เพื่อตัวท่านเองและคนรอบข้างเพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ก้าวผ่านควันบุหรี่ที่เป็นอันตรายได้
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือ
ปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ถือว่าได้รับความนิยมขึ้นกว่าในอดีตมาก ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมที บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการโฆษณาสรรพคุณว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น และเป็นบุหรี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มาจนวันนี้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้กลายเป็นเหมือนกับทางเลือกแรกสำหรับ “วัยรุ่น” มากขึ้นในฐานะ “แฟชั่นใหม่” ภายใต้แนวความคิดที่ว่า “เท่ห์ สูบได้ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้านั้น แท้จริงแล้วสามารถช่วยให้เราเลิกบุหรี่ธรรมดาได้จริงหรือไม่? บุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายจริงหรือไม่? และจริงๆ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริงๆ ใช่ไหม? ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาฝากเพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะเลิกสูบบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ หรือกำลังจะเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าจะเลือกทางเดินอย่างไรต่อไปให้กับชีวิต
บุหรี่ไฟฟ้า ช่วยเลิกบุหรี่ได้อย่างที่โฆษณาจริงหรือไม่?
ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ ยังไม่มีงานวิจัยชุดใดที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้คนเลิกบุหรี่ได้จริง เช่นกันกับในแง่ของความปลอดภัยที่ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ทั้งนี้มีตัวอย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้า โดยได้มีการทำการทดลองเก็บข้อมูลโดยการนำเอาผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่จำนวน 890 ราย มาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งให้กลุ่มแรกนั้นทำการเลิกบุหรี่ด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนอีกกลุ่มให้ทำการเลิกบุหรี่ด้วยการรับยาเลิกบุหรี่ โดยทั้ง 2 กลุ่มเข้ารับการทดลองต่อเนื่อง 3 เดือน ควบคู่กันไปกับการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมเพื่อเลิกบุหรี่ จนกระทั่งครบ 1 ปี ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้ 18% ส่วนในกลุ่มที่ใช้ยาสามารถเลิกบุหรี่ได้ 9.9%
ซึ่งจากตัวเลขนี้อาจทำให้เราเห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นช่วยเลิกบุหรี่ได้ดีกว่า แต่ทว่าการติดตามผลวิจัยนี้ต่อมาพบว่า ใน 18% ของกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า มี 80% กลับไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ส่วนในกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยยาพบว่า 90% เลิกบุหรี่ขาดได้เลยและไม่ต้องใช้ยาเลิกบุหรี่อีกด้วย ดังนั้นจากผลวิจัยนี้จึงอาจสรุปได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง แต่กลายเป็นว่าเราจะหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ซึ่งคำถามต่อมาคือ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่? เพราะถ้าอันตรายการหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้า ก็อันตรายเช่นกัน
ปลอดภัยจริงหรือไม่ สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเสี่ยงภัยอะไรหรือเปล่า?
หากเทียบกันตรงๆ แล้ว บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง เพราะบุหรี่ธรรมดานอกจากนิโคตินที่ทำให้ติดแล้ว ยังมีสารอื่นๆ อยู่อีกมากถึง 7,357 ชนิด ซึ่งจากสารทั้งหมดนั้นมีอยู่อย่างน้อย 70 ชนิดที่เป็นสาเหตุสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้แน่นอน แต่สำหรับในบุหรี่ไฟฟ้าก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายเลยเพราะก็ประกอบด้วยสารระเหยอื่นๆ เช่นกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลวิจัยออกมาที่แน่ชัดเหมือนกับบุหรี่ธรรมดาว่าสารใดเป็นอันตรายแค่ไหนอย่างไร
แต่ทั้งนี้ “ควันก็คือควัน” การสูบบุหรี่ไฟฟ้าคือการสูดควันเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่ว่าจะมาจากสารใดก็ตาม ควันคือสิ่งแปลกปลอม สิ่งผิดปกติ ดังนั้นเมื่อสูบเข้าไปในร่างกาย ย่อมอนุมานได้ว่าไม่ดีแน่ ๆ ยิ่งถ้าสูบเข้าไปในปริมาณมากๆ นานๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดอันตรายได้ หรือบางคนแม้จะสูบน้อย แต่ก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของแต่ละคนในการตอบสนองต่อสารนั้นๆ
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนกับคนที่ดื่มเหล้าแก้วเดียวแล้วเมา กับบางคนดื่มเหล้าเป็นสิบๆ แก้วยังไม่เมา นั่นทำให้เห็นว่า สูบมากสูบน้อยก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน หรือในกรณีที่หลายคนแย้งว่าในบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีนิโคตินน้อยกว่า ไม่เป็นอันตรายเท่ากับบุหรี่ ประเด็นนี้ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีนิโคตินน้อยกว่า แต่ถ้าสูบบ่อยกว่า รวมถึงเทคนิคการสูบที่หากสูบแบบอัด ก็ทำให้ได้รับปริมาณนิโคตินที่มากเท่ากับสูบบุหรี่ธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งนิโคตินคือสารให้ความสุขที่ทำให้เรา “เสพติด” สูบแล้วโล่ง สูบแล้วหายเครียด ทำให้เมื่อเราขาดหรือไม่สูบ จะเกิดอาการกระวนกระวาย และนำไปสู่การเสพติดที่สุดท้ายก็นำมาซึ่งโอกาสอันตรายได้ในอนาคต เพราะอย่างไรเสียนิโคตินก็เป็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ดี
ถ้าไม่ดีจริงอย่างโฆษณา ทำไมคนถึงสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเยอะขึ้น?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมานิยมบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นก็เพราะ “โฆษณา” ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้านั้นดูน่าดึงดูด คือ นอกจากความเท่ห์ ที่เป็นแฟชั่นแล้ว การใช้ข้อมูลด้านเดียวอย่างเช่นเรื่องไม่มีสารก่อมะเร็ง ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือมีน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา และยังไม่ได้รับการวิจัยที่ครบถ้วน มาเป็นตัวนำเสนอ จึงทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และเมื่อรวมกับการที่ผู้ผลิตสร้างให้บุหรี่ไฟฟ้ามีลูกเล่นที่เยอะกว่าอย่างเรื่องกลิ่นที่มีให้เลือกหลากหลายร้อยกลิ่น จึงยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายเลยที่ทำให้ผู้คนติดบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้นก็เพราะ “นิโคติน” ที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกันกับบุหรี่ธรรมดา ที่เป็นสารเสพติด จึงทำให้เมื่อสูบไปแล้ว สูบบ่อยเข้า ก็กลายเป็นติดในที่สุด
สรุปแล้วบุหรี่ไฟฟ้าดีจริงไหม? แล้วทางไหนดีที่สุดถ้าอยากเลิกบุหรี่?
บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง ในแง่ของความอันตราย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ให้ได้ การเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางแก้ไข เพราะจากงานวิจัยตัวอย่างก็จะพบว่า จะทำให้เราหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ดังนั้น ถ้าหากถามว่าหนทางใดดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คำตอบคือ หยุดทั้งคู่ คือต้องหยุดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง คือทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราหยุดจากวงจรของการเสพติดและนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายที่สุดท้ายแล้วในอนาคตก็อาจมีอันตรายต่อชีวิตได้
พอตไฟฟ้าที่แนะนำ
เมื่อทราบกันแล้วว่าเราชอบฟิลสูบแบบไหนอย่างไร แน่นอนว่าทางร้านมีพอตไฟฟ้าคุณภาพยอดเยี่ยม จากแบรนด์ดังระดับโลกมาแบ่งปันแก่ลูกค้าทุกท่านอีกเช่นเคย โดยพอตไฟฟ้าที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ เป็นรุ่นยอดฮิต ขายดี มีประสิทธิภาพในการใช้งานคุ้มค่า คุ้มราคา และมีอะไหล่สำรองหาซื้อง่าย
Relx Infinity
-
ประเภท : ไม่ต้องเติมน้ำยา
-
น้ำยาที่ใช้ : น้ำยา Relx Infinity
อีกหนึ่งเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก เพียงแค่แกะกล่องแล้วเสียบหัวน้ำยาเข้าไปก็สามารถเริ่มใช้งานได้เลย เมื่อเวลาน้ำยาหมดก็เพียงแค่ทิ้งของเก่าแล้วใส่เข้าไปใหม่ ฟิลสูบตัวนี้จะแน่นๆ คล้ายกับบุหรี่จริง
จุดเด่น
-
เริ่มต้นง่าย ใช้งานง่าย
-
สะดวกสบาย ไม่ต้องเติมน้ำยาเอง
-
เป็นแบรนด์ดังที่มีน้ำยาให้เลือกมากที่สุดในตอนนี้
-
ตัวเครื่องได้รับมาตรฐานการผลิตสูง ใช้งานได้นาน
Argus Z Pod System
ประเภท : เติมน้ำยา
น้ำยาที่ใช้ : Saltnic
ขนาดเล็กแต่ทรงพลังสวยทุกมุมมองจับถนัดมือ มีเทคโนโลยีการทำควันของ ITO ทำให้กลิ่นและรสชาติชัดแบบออริจินอล ฟิวสูบนิ่มๆ แบตเตอรี่ในตัว 900mAh พร้อมกำลังวัตต์สูงสุด 17W และชาร์จ Type-C อัจฉริยะชิป Gen AI VOOPOO Argus Z ใช้คอยล์เดียวกับ รุ่น Argus Pod คอยล์ ARGUS POD 0.7/1.2 OHM
จุดเด่น
-
เริ่มต้นง่าย ใช้งานง่าย
-
ตัวเครื่องได้รับมาตรฐานการผลิตสูง ใช้งานได้นาน
-
จุน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 2 ml
-
ผลิตจากวัสดุ PCTG
-
ความต้านทาน 0.7ohm-1.2ohm
พอตไฟฟ้าที่แอดแนะนำคือเพียงตัวที่ยอดนิยมมากๆ แต่ยังมีอีกหลายรุ่นที่ก็เป็นที่ฮอตฮิตเช่นกัน ถ้าสายควันท่านใดสนใจก้สามารถไปตามหาอ่านกันได้ ที่ พอตไฟฟ้าตัวไหนดี เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยในการตัดสินใจ หรือ จะเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนั้นๆ
ข้อสรุป
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นยาสูบชนิดใหม่ ที่ผู้สูบจะได้รับสารนิโคติน ที่ระเหยด้วยความร้อนจากไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิธีการนำสารเสพติดนิโคตินเข้าสู่ร่างกายเช่นเดียวกับบุหรี่ แต่ไม่มีการเผาไหม้ใบยาสูบ นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า ได้มาจากการสกัดสารนิโคตินจากใบยาสูบ
บุหรี่ไฟฟ้าเสพติดเหมือนบุหรี่ธรรมดา สารที่ทำให้เกิดการเสพติดในบุหรี่ไฟฟ้าคือ สารนิโคตินเหลว ที่สกัดจากใบยาสูบ
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเป็นการเสพติดนิโคติน ซึ่งอำนาจการเสพติดสูงเทียบเท่าเฮโรอีน ซึ่งนิโคตินจะออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง กระตุ้นหัวใจทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ทางการแพทย์การเสพติดนิโคตินจัดเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง
ปัจจุบันยัง ไม่มีหลักฐาน การศึกษาที่ชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้า ช่วยให้เลิกบุหรี่ง่ายขึ้น ตามที่ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ากล่าวอ้าง แต่สิ่งที่ประเทศต่าง ๆ ยังห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเห็นวัยรุ่นในอเมริกาที่ไม่เคยสูบบุหรี่ แต่ตอนนี้ติดบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นปัญหาใหม่ที่ประเทศต่าง ๆ เฝ้าจับตาระวังอย่างใกล้ชิด และยังไม่เปิดให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลไทยห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ พ.ศ.2558